ธรรมทายาทสูตร
“ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลายจงพากันเป็น ธรรมทายาท คือ รับมรดกธรรมของเราเถิด อย่าเป็น อามิสทายาท คือรับมรดกสิ่งของเลย ความเป็นห่วงของเราในพวกเธอทั้งหลายนั้นมีอยู่เพียงว่า ทำอย่างไรสาวกทั้งหลายของเราจึงพากันเป็นธรรมทายาท ไม่เป็นอามิสทายาท ดังนี้”
“ภิกษุทั้งหลาย หากแม้นพวกเธอทั้งหลายพากันเป็นอามิสทายาท ไม่เป็นธรรมทายาทของเราแล้ว พวกเธอทั้งหลายก็จะถูกเขาตราหน้าว่า สาวกทั้งหลายขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาล้วนแต่พากันเป็นอามิสทายาทกันอยู่โดยทั่วไป หาได้เป็นธรรมทายาทไม่ ดังนี้ แม้เราเองก็จะถูกเขากล่าวโทษว่า สาวกทั้งหลายขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาล้วนแต่ พากันเป็นอามิสทายาททั้งนั้น หาได้เป็นธรรมทายาทไม่ ดังนี้
ด้วยเหมือนกัน
ภิกษุทั้งหลาย หากแม้นพวกเธอทั้งหลายพากันเป็นธรรมทายาทไม่เป็นอามิสทายาทแล้วไซร้ พวกเธอทั้งหลายก็จะได้รับการยกย่องว่า สาวกทั้งหลายขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาล้วนแต่พากันเป็นธรรมทายาทกันอยู่โดยทั่วไป หาได้เป็นอามิสทายาทไม่ ดังนี้ แม้เราเองก็จะได้รับการสรรเสริญว่า สาวกทั้งหลายขององค์สมเด็จพระบรมศาสดา ล้วนแต่พากันเป็นธรรมทายาททั้งนั้น หาได้เป็นอามิสทายาทไม่ ดังนี้ ด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลาย จงพากันเป็นธรรมทายาท คือ รับมรดกธรรมของเราเถิด อย่าเป็นอามิสทายาท คือรับมรดกสิ่งของเลย ความเป็นห่วงของเราในพวกเธอทั้งหลายนั้นมีอยู่เพียงว่า ทำอย่างไรสาวกทั้งหลายของเราพึงเป็นธรรมทายาท ไม่เป็นอามิสทายาท ดังนี้”