ธาตุปะฏิกูละปัจจะเวกขณะปาฐะ
(นำ) หันทะ มะยัง ธาตุปะฏิกูละปัจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส ฯ
(เชิญพวกเราทั้งหลายมาสวดบาลีเป็นเครื่องพิจารณาปัจจัยสี่ โดยความเป็นธาตุปฏิกูลเถิดฯ)
(ขณะรับจีวร)
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้ นี่เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง จีวะรัง ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้ คือ จีวร และบุคคลผู้ใช้สอยจีวรนั้น
ธาตุมัตตะโก
เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต
มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว
มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญ
ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพพานิ ปะนะ อิมานิ จีวะรานิ อะชิคุจฉะนียานิ
ก็จีวรทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัต๎วา
ครั้นมาถูกเข้ากับกายอันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนียานิ ชายันติ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน
(ขณะรับบิณฑบาต)
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้ นี่เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป ตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง ปิณฑะปาโต ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้ คือ บิณฑบาต และบุคคลผู้บริโภคบิณฑบาตนั้น
ธาตุมัตตะโก
เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต
มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว
มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญ
ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพโพ ปะนายัง ปิณฑะปาโต อะชิคุจฉะนีโย
ก็บิณฑบาตทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัต๎วา
ครั้นมาถูกเข้ากับกายอันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน
(ขณะรับเสนาสนะ)
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้ นี่เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป ตามเหตุตามปัจจัยอยู่ เนืองนิจ
ยะทิทัง เสนาสะนัง ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้คือเสนาสนะ และบุคคลผู้ใช้สอยเสนาสนะนั้น
ธาตุมัตตะโก
เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต
มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว
มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญ
ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพพานิ ปะนะ อิมานิ เสนาสะนานิ อะชิคุจฉะนียานิ
ก็เสนาสนะทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัต๎วา
ครั้นมาถูกเข้ากับกายอันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนียานิ ชายันติ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน
(ขณะรับคิลานเภสัช)
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้ นี่เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยอยู่ เนืองนิจ
ยะทิทัง คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร ตะทุปะภุญชะโก
จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้ คือ เภสัชบริขารอันเกื้อกูลแก่คนไข้ และบุคคลผู้บริโภคเภสัชบริขารนั้น
ธาตุมัตตะโก
เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต
มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว
มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญ
ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพโพ ปะนายัง คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร อะชิคุจฉะนีโย
ก็คิลานะเภสัชบริขารทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัต๎วา
ครั้นมาถูกเข้ากับกายอันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน ฯ